เครื่องสแกนสีย้อมหนัง "เวิร์ค" หรือไม่?

ช่วงนี้เราได้เขียนบทความเกี่ยวกับ วิธีผสมสีย้อมหนัง สำหรับงานซ่อมแซมกระเป๋าหนังหรือรองเท้าหนังไปแล้วนะคะ ดังนั้นในสัปดาห์นี้ เราจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงของคุณศิริพร Bagtouch's Head Trainer เกี่ยวกับ "Color matching scanner" ถ้าคุณติดตามอ่านบทความของเรา คงรู้ประวัติของ Head Trainer ของเรามาบ้าง เธอเรียนศิลปะมาเกือบ 7 ปีแล้วในมหาวิทยาลัย ทั้งปริญญาตรี ปริญญาโท และทำงาน ในฐานะนักออกแบบภายในกว่า 10 ปีก่อนที่เธอจะเริ่มทำงานให้กับ Bagtouch ประมาณ 15 ปีที่แล้ว เธอยังคงเห็นว่าการจับคู่สีและการผสมสีเป็นสิ่งที่ค่อนข้างยากสำหรับทุกคน ดังนั้นผู้คนจึงพยายามค้นหาทางลัด เธอเองก็เป็นหนึ่งในนั้น นอกจากนี้ สายงานปัจจุบันของเธอในฐานะหัวหน้าผู้ฝึกสอนของ Bagtouch เธอพยายามหาวิธีที่ง่ายและสะดวกที่จะทำให้ผู้เข้าร่วมของเธอ สามารถเรียนรู้ เพื่อใช้งานได้ด้วยตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ เธอจึงค้นความอย่างหนัก

หลังจากนั้น เธอพบ "เครื่องสแกนสี" เพื่อแยกแยะสูตรสีย้อมหนัง ไม่ต้องสงสัยเลย เธอซื้อมัน! สำหรับฉันมันมีราคาแพงมาก ทีมของเราทุกคนตื่นเต้นกับอุปกรณ์ใหม่มาก และเมื่อได้ลองใช้มันสำหรับกรณีจริง ท้ายที่สุดเรากลับพบว่าผลลัพธ์ไม่เป็นไปความคาดหวังสักเท่าไหร่ ตามเหตุผลด้านล่าง

1. เครื่องสแกนสีย้อมหนังต้องการปัจจัยการใช้งานหลายอย่าง เช่น การสแกนภายใต้แสงที่เหมาะสม เมื่อเราใช้เครื่องสแกนนี้ภายใต้แหล่งกำเนิดแสงต่างกัน ผลลัพธ์ที่ได้ก็ต่างกัน แม้จะสแกนสีจากกระเป๋าใบเดียวกัน พื้นที่เดียวกัน ผลที่ได้กลับแตกต่าง และไม่ถูกต้องสักเท่าไหร่

2. เครื่องสแกนต้องใช้คู่กับชุดสีย้อมหนังจากผู้ผลิตอุปกรณ์ ซึ่งมีจำนวน 36 สีในขนาดที่ใหญ่มากสำหรับแต่ละชุด อย่างไรก็ตาม งานเปลี่ยนสีกระเป๋าถือของเรา โดยเฉลี่ยแล้วต้องใช้เพียง 30 มล. สำหรับกระเป๋าถือแต่ละใบหรือน้อยกว่านั้น ปริมาณสีที่ต้องซื้อควบคู่กับชุดสแกนสีในแต่ละครั้งจึงมากเกินไปสักหน่อย เนื่องจากบางสีใช้เป็นส่วนประกอบในการผสม เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้มีสีที่ไม่ต้องการเหลือมากเกินไป ในขณะที่สีพื้นฐานกลับไม่เพียงพอต่อความต้องการ (ขอข้ามเรื่องคุณภาพของสีที่ได้มาไปก่อนนะคะ เนื่องจากเป็นส่วนที่มีปัญหาเช่นกัน)

3. อีกจุดหนึ่งคือกระเป๋าถือสุดหรูที่ปกติจะทำมาจากหนังราคาแพง มีความเป็นธรรมชาติสูง มีหลายเฉดสีในแผ่นหนังเดียวกัน ให้พูดให้ชัดกว่านี้ ถ้าเราเปรียบเทียบผิวมนุษย์กับหนังสำหรับผลิตกระเป๋า ลองนึกภาพ ผิวใต้บิกินี่จะสว่างกว่าผิวนอก นั่นก็หมายความว่าผิวของเราเองมีสีที่ต่างกัน หนังธรรมชาติก็เช่นเดียวกัน หนัง Unfinished มีสีต่างกันที่เรียกว่า "ความหลากหลายของเฉดสี" (Shade Variation) ทำให้หนังแต่ละผืน มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งหนังคุณภาพต่ำจะไม่มีคุณลักษณะอังทรงเสน่ห์เช่นนี้

เมื่อเราเห็นกระเป๋าหนังใบหนึ่ง และสมองเรา บอกว่า กระเป๋าหนังใบนั้นเป็น "สีชมพู" แต่ความจริง แล้ว มี "สีชมพู" หลายเฉดอยู่ในนั้น ดังนั้น หากเราไม่มีพื้นฐานด้านการผสมสีย้อมหนัง แม้ว่าเราจะมีเครื่องช่วยสแกนสีย้อมหนังเพื่อแยกแยะสูตรสี แต่เราจำเป็นต้องสแกนสี และผสมสีที่แตกต่าง แต่ใกล้เคียงกันหลายครั้ง ตามสูตรแต่ละตัว (ซึ่งสแกนไม่ค่อยตรง) ในกรณีนี้ หากเราเรียนรู้พื้นฐานการผสมสีย้อมหนังสักนิด เมื่อมีอุปกรณ์ช่วย ก็จะทำให้เราทำงานได้รวดเร็วขึ้น

4.ข้อสุดท้าย กระเป๋าบางใบเก่ามาก ไม่มีสีเดิมที่สมบูรณ์ให้สแกน! ลองนึกภาพ ถ้าคุณสแกนสีซีดจางของกระเป๋าเก่า ๆ ใบหนึ่ง เพียงเพราะเราไม่รู้ว่าสีเดิมของเค้าเป็นอย่างไรอย่างไร หลังจากสแกนแล้ว ผสมสีและเปลี่ยนสีกระเป๋าแล้ว ลูกค้าก็จะได้รับกระเป๋าใบเก่า ๆ ไปหนึ่ง ที่สีหม่นหมอง กลับไป แทนที่จะได้รับกระเป๋าที่มีสีสดใสและดูใหม่ขึ้น ในกรณีนี้การค้นคว้าหาความรู้เรื่องกระเป๋าแบรนด์เนม การเห็นของแท้ให้มากและจดจำรายละเอียด หรือสีนั้นเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ทำอาชีพนี้ ในส่วนนี้ ผู้ขายกระเป๋าซึ่งมีบริการการรับสปากระเป๋าด้วยนั้น จะได้เปรียบมาก เพราะจะเห็นกระเป๋าทั้งเก่าและใหม่อย่างหลากหลาย

จากปัญหาทั้งหมดเราจึงพยายามลดปัญหาและความซับซ้อนในการผสมสีย้อมหนังด้วยประสบการณ์การผสมสีหนังทั้งหมดของเรา และกลั่นกรองออกมาอย่างเป็นระบบ ด้วยคำแนะนำเชิงปฏิบัติ จึงนำมาสู่ การ์ดช่วยผสมสีของเรา BT.Color Mixing Formula Cards ในชุดประกอบด้วยการ์ดสี 80 ใบ ซึ่งเป็นเฉดสีที่นิยมสำหรับกระเป๋าแบรนด์เนม หลากหลายแบรนด์ พร้อมสูตรสี และเครื่องมือสำคัญอื่นๆ ที่ช่วยในการเรียนรู้วิธีผสมสีย้อมหนังด้วยตนเอง

สรุปคือเครื่องสแกนสีนั้นดี! ถ้าเราไม่ต้องจ่าย 20,000 USD สามารถหาสูตรได้แต่ไม่ถูกต้องตามคาด แต่ก็ช่วยให้เร็วขึ้น สำหรับเรา ทฤษฎีสี พื้นฐานที่ดี ความรู้เรื่องเครื่องหนัง การเห็นกระเป๋าใบจริง ทั้งเก่าและใหม่นั้น มีความสำคัญมากกว่า เพราะท้ายที่สุด สายตามนุษย์ที่มีประสบการณ์เป็นอุปกรณ์ที่ทรงประสิทธิภาพสูงสุดนั่นเอง